วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตำนานกำเนิดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป


บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีต้นกำเนิดที่ประเทศจีนซึ่งเรียกว่า รัวเมงแต่ภาษาญี่ปุ่นออกเสียงเป็นราเมนเส้นบะหมี่ถือเป็นสัญญลักษณ์อันโดดเด่นของวัฒนธรรมของประเทศจีน เพราะเส้นที่ยาวหมายถึงอายุที่ยืนนานอาหารประเภทนี้จะมีการเสริฟกันในงานวันเกิดคนจีน เหมือนกับที่เค้กจะเป็นสัญญลักษณ์ของวันเกิดของคนตะวันตก
ราเมนเป็นที่นิยมชมชอบของคนเมืองซับโปโรที่เกาะฮอกไกโดที่อยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่นถึงขั้นเป็นเมนูอาหารหลักกันทีเดียวราเมนถูกดัดแปลงให้เป็นบะหมี่สำเร็จรูปโดยฝีมือของชาวญี่ปุ่นชื่อนายโมะโมะฟูกุ อันโดะ ผู้ก่อตั้งบริษัท นิชชิน ฟู้ด และเผยตัวสู่ตลาดโลกเริ่มจากตลาดอเมริกาเป็นแห่งแรกในปี ค.ศ. 1970 ในชื่อท้อป ราเมน



หลังจากนั้นหลายต่อหลายบริษัทไม่เว้นยักษ์ใหญ่อย่าง ลิปตันหรือแคมเบลล์ก็ยังผลิตสินค้าแบบนี้ขาย การแข่งขันของบะหมี่สำเร็จรูปทวีความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามนิชชินก็ยังเป็นผู้ครอบครองตลาดอเมริกาซึ่งมีราคาขายซองละ 12.50 ดอลล่าร์ได้เกือบครึ่ง และในตลาดโลกนิชชินมีส่วนแบ่งตลาด 15 % โดยทำรายได้ 10,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปี
ตลาดบะหมี่ของโลกเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งปัจจุบันนอกจากโรงงานผลิตในประเทศญี่ปุ่นและอเมริกาแล้ว ยังมีโรงงานผลิตบะหมี่สำเร็จรูปอยู่ในอีกหลายประเทศที่ผลิตสินค้าชนิดนี้สู่ตลาดโลก ได้แก่ ประเทศเกาหลี, จีน, สิงคโปร์ , ไทย ,อินโดนีเซียและมาเลเซีย
ราเมนของแต่ละประเทศจะแสดงถึงรสนิยมของลิ้นที่แตกต่างกันของคนแต่ละเชื้อชาติ เกาหลีนิยมรสชาติร้อนของเครื่องเทศ ในขณะที่จีนชอบรสชาติสไตล์แบบเสฉวน คนไทยเน้นความบางของเส้นบะหมี่และรสชาติที่มีความเผ็ดร้อนที่สุด คนญี่ปุ่นชอบรสของอาหารทะเล ส่วนคนอเมริกันชอบรสเนื้อและไม่เผ็ด

ส่วนแบ่งการตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มูลค่า 10,000 ล้านบาทในปี 2550 จะมีการแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดดังนี้


คาดการณ์ว่ายอดขายของสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย ซึ่งมีสัดส่วน 15% ของตลาดรวม มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท จะมีอัตราเติบโตถึงร้อยละ 50โดยจะเห็นได้จากในปี 2547 ที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดถ้วยและชามมีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% ทำให้ยอดขายในปีดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 700 ล้านบาทโดยจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดดังกราฟ




 อ้างอิง

http://www.mama.co.th


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น